Next Station I Love you หรือ ‘ปลายทางนั้น… ฉันรักเธอ’ เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากชีวิตจริงของคู่รักคู่หนึ่งที่สาบานต่อกันในวันแต่งงานว่าจะดูและกันตลอดชีวิต ซึ่งชีวิตคู่ดำเนินมาด้วยดี ฝ่ายหญิงเป็นคนที่ออนโยน ทำอาหารเก่ง ยิ้มแย้มแจ่มใส ส่วนฝ่ายชายก็เป็นคนรักครอบครัวทำงานหนักบางครั้งก็หลงลืมที่จะดูแลภรรยาจนกระทั่งฝ่ายสาวตรวจร่างกายและพบว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็งกระดูก เหลือเวลาอยู่น้อยมาก ทำให้เขาต้องละจากงานออกมาดูแลเธอ ตามคำสัญญาที่ให้ไว้ว่า จะดูกันและกันตลอดไป ในโรงภาพยนตร์!
La La Land (2016) หนังเรื่องใหม่จากผู้กำกับหนุ่มวัย 31 อย่าง ดาเมียน ชาเซลล์ (Whiplash, 10 Cloverfield Lane) เล่าเรื่องหนุ่มนักดนตรีแจ๊สและนักแสดงสาวดาวรุ่งที่สานสัมพันธ์รักกันในมหานครลอส แองเจลิส ก่อนจะพบว่าการไล่ตามความฝันของทั้งสอง อาจเป็นชนวนหลักให้ความรักมาถึงจุดแตกหัก
ชาเซลล์นั้นเป็นที่รู้กันดีว่านิยมทำภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับดนตรีมาก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะหนังแจ้งเกิดของเขาอย่าง Guy and Madeline on a Park Bench (2009), Grand Piano (2013) มาจนถึง Whiplash (2014) และ La La Land คือหนังที่ดนตรีไม่ได้มีบทบาทเป็นส่วนประกอบ แต่ดนตรีคือเนื้อเดียวกับการเดินเรื่องและตัวละครตั้งแต่ต้นจนจบ!
La La Land ได้จัสติน เฮอร์วิตซ์ เพื่อนตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยของชาเซลล์มาทำเพลงให้ ทั้งสองเจอกันที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดสมัยเป็นนักศึกษา ตั้งวงดนตรีด้วยกันตั้งแต่เรียนปีแรก และวางแผนจะทำหนังย้อนยุคดีๆ สักเรื่องหนึ่งด้วยกันตั้งแต่ตอนนั้น
ความที่ทั้งคู่ชื่นชอบการแสดงสไตล์ย้อนยุค ปี 2009 เลยจับมือกันสร้างภาพยนตร์เพลง Lo-Fi ขาวดำเรื่อง Guy and Madeline on a Park Bench แต่เท่านั้นยังไม่พอ ทั้งสองยังมีเป้าหมายที่ใหญ่กว่านั้นคือการทำภาพยนตร์เพลงยาวรวดทั้งเรื่อง และทั้งร้องทั้งเต้นให้เต็มเหนี่ยว!
ปี 2014 Whiplash ส่งให้ชาเซลล์ดังเป็นพลุแตก และนั่นเปิดโอกาสให้คู่หูได้ทำภาพยนตร์เพลงที่ทั้งร้องทั้งเต้นสุดเหวี่ยงอย่างที่วาดฝันไว้เมื่อหลายปีก่อน เฮอร์วิตซ์จัดแจงทำเดโมให้ชาเซลล์ฟัง และหาเมโลดีที่ถูกที่ควรกับภาพยนตร์เรื่องนี้ “ผมทำเดโมกว่า 1,900 เดโมกว่าจะได้เมโลดีที่เหมาะกับหนัง แล้วเราก็มอบหน้าที่แต่งเนื้อร้องให้เบนจ์ พาเซ็กและจัสติน พอล” เฮอร์วิตซ์ว่า และนั่นเองจึงเป็นที่มาของบทเพลงใน La la land
La la land ถูกตั้งความหวังว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่ดึงให้ผู้ชมกลับมาสนใจละครเพลง-ที่ไม่ได้ถูกประยุกต์มาจากละครบรอดเวย์และไม่ใช่อนิเมชั่นดิสนีย์-อีกครั้ง ตัวชาเซลล์เอง ในฐานะผู้กำกับ เขาได้แต่หวังว่าผู้ชมที่ไม่สนใจละครเพลงหรือภาพยนตร์เพลงนั้น จะเปิดโอกาสให้ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขาดูบ้าง “ผมเล่าให้หลายคนฟังว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ และพวกเขาก็มักบอกว่า โอ ฉันชอบเรื่อง Singin’ in the Rain มากเลยนะ แต่ฉันเกลียดภาพยนตร์เพลงล่ะ”